รับซื้อเพชร

ทางเว็บไม่อนุญาตให้โพสโฆษณา ประชาสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ หากพบทางเว็บจะทำการลบทันที


วิทยาการทางศิลปะการต่อสู้ของชาวล้านนาโบราณ

  • 0 ตอบ
  • 2155 อ่าน
*

ออฟไลน์ นันทปัญญา

  • Newbie
  • *
  • 3
  • 2
  • อาณาจักรล้านนา
    • ดูรายละเอียด
ศิลปะการต่อสู้ของล้านนา
ล้านนาสืบทอดวัฒนธรรมมาจากหลายชนชาติที่มีวัฒนธรรมเจริญมาเก่าก่อน ได้แก่ มอญ (ทวาราวดีและหริภุญชัย) ขอม (พระนคร,เขมร) ละโว้ (กัมโพช,อโยธยา) ไทใหญ่ (ไต,เงี้ยว) พุกาม (พม่า,ม่าน) ไดเวียด (แถนหรือญวน) ฮ่อ (จีน) ละว้า (ละเวือะ)รวมถึงชนเผ่าต่างๆอีกมากมาย ซึ่งมีอาณาเขตใกล้เคียงและติดต่อกับพื้นที่ตั้งของล้านนา วิทยาการของชนชาติทั้งหลายที่ได้กล่าวไป ต่างเคยได้รับวัฒนธรรมที่เผยแพร่มาจากชมพูทวีปและลังกามาก่อนเช่นกัน มีหลักฐานกล่าวอ้างในตำนานยุคต้นอาณาจักรว่าเมื่อปี พ.ศ.1181 พระยากาฬวรรณดิศราช หรือ พญาอนิรุทธ กษัตริย์แห่ง ทวารวดี (ละโว้) ได้เสด็จขึ้นมาสนับสนุน พญาลวจักรราช ผู้มีเชื้อสายของปู่เจ้าลาวจก  ขึ้นเป็นกษัตริย์ของเวียงปรึกษา ภายหลังได้สร้างเมืองหิรัญนครเงินยาง และเมืองเชียงแสน เป็นเมืองหลวง ตามลำดับ
สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2  กษัตริย์ขอม เมืองพระนคร (ราวพ.ศ. 1656) พระองค์ชนะชนชาติมอญ และตั้งศูนย์กลางของอาณาจักรขอม ที่เมืองละโว้ (กัมโพช) พญาเจืองฟ้าธรรมิกราช  กษัตริย์เมืองพะเยา มีความสัมพันธ์กับชาวขอม ทรงส่งกองทัพเข้าร่วมรบในกองทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในการรบกับอาณาจักรจามปาและอาณาจักรไดเวียด (แถนหรือเวียดนามเหนือ) และได้ชัยชนะแถบเหนือซึ่งเคยเป็นพื้นที่ครอบครองของไดเวียด ภายหลังทรงได้สิทธิในพื้นที่นี้และตั้งเมืองขึ้นชื่อว่า เชียงลาบ
ในรัชสมัยพญามังราย ครั้งรวบรวมบ้านเมือง รวมชนเผ่าต่างๆในภูมิภาคแถบนี้ก่อตั้งเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา มีพลเมืองส่วนใหญ่เชื้อสาย “ไทยวน” หรือ “ลาวพวน” สมัยนี้ล้านนาก็มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรละโว้ (กัมโพช) กล่าวกันว่า พระองค์ได้เคยศึกษาวิชาการมาจากสำนักอิสิฤาษี ดอยด้วน เมืองพะเยา ก่อนที่จะได้เดินทางลงไปศึกษาวิชาการกับสุกกะทันตฤาษี สำนักเขาสมอคอน เมืองละโว้ และเชื้อสายทางฝั่งพระราชมารดาของพระองค์ยังสืบเชื้อสายมาจากพญาเจืองฟ้า เจ้าเมืองเชียงรุ่ง ที่สืบเชื้อสายมาจากพญาเจืองฟ้าธรรมมิกราช กษัตริย์เมืองพะเยา เชื้อสายราชวงศ์โยนกเชียงแสนโบราณ (ไทยวน) เห็นได้ชัดว่า หลายยุคสมัยบรรพชนล้านนาได้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์ขอมกัมโพชมาแต่โบราณ วิทยาการด้านวิชาการต่อสู้ของชาวขอมกัมโพชในตำรา พรรณาว่าได้รับมาจากเทพเจ้า มีพราหมณ์ โยคี ฤาษี เป็นผู้ติดต่อทางจิตกับเทพเจ้าและได้รวบรวมขึ้นเป็นตำราเผยแพร่ กล่าวกันว่าวิชานี้เดิมเป็นท่าร่ายรำของพระอิศวร มี 108 ท่า และหนึ่งใน 108 ท่าที่ปรากฏในวิชาการต่อสู้คือท่า “ตรีวิกรม” หรือที่รู้จักกันในวงการมวยก็คือ ท่าย่างสามขุม
ในสมัยพญาสามฝั่งแกน พระยาฮ่อลุ่มฟ้า เมืองแสนหลวง(จีนเมืองน่านเจ้า) ส่งกองทัพมารบกับล้านนา หลังรัชสมัยนี้ลงมาล้านนามีสัมพันธ์กับฮ่อ และปรากฏว่าล้านนามีศักยาภาพทางทหารเพิ่มขึ้น ในยุคสมัยของพญาติโลกราช ครองเมืองเชียงใหม่ ปรากฏว่าล้านนามีแสนยานุภาพทางการทหารมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ล้านนาสามารถขยายดินแดนออกไปกว้างไกลมากกว่าทุกรัชสมัย ล้านนารวบรวมแพร่ น่าน สิบสองปันนา ล้านช้างเข้าผนวกไว้ในอำนาจ รบชนะไดเวียด อาจเป็นไปได้ว่ามาจากสาเหตุที่ล้านนาได้รับวิทยาการมาจากฮ่อเพิ่มเติมผนวกเข้ากับวิทยาการดั้งเดิมที่ล้านนาได้สั่งสมมายาวนาน ทำให้ล้านนามีอัตลักษณ์ของวิชาที่เป็นของตนเอง คือ มีการเดินขุมที่หลากหลาย โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเดินแบบย่างสามขุมของขอม แล้วได้แตกฉานแยกย่อยให้มีความหลากหลายในเหลี่ยมเชิงมากขึ้น ในส่วนท่วงท่าการออกอาวุธ ได้ผสานความเคลื่อนที่แบบฉับพลันในเส้นตรง วงโค้ง เหลี่ยมองศาฉาก แหลม ป้าน และวาดวงหมุนรอบดุจจักรผันของศาสตร์ขอม กับการส่งพละกำลังจากฐานรากไปส่งจุดปลายของสรีระทุกส่วนอย่างต่อเนื่องลื่นไหลและยอกย้อน แบบน้ำไหลทะลวงและกระฉอกยอกย้อนของศาสตร์ฮ่อ (จีน) จนทำให้การออกอาวุธดูพลิ้วไหวสอดประสานไม่ขาดช่วง แต่มีพลังทำลายที่รุนแรง สามารถหลบหลีกได้หลากหลายช่องทางและรุกตีจู่โจมได้ทุกทิศทาง มีทั้งรุกและรับในจังหวะเดียวกัน การใช้อาวุธที่ขึ้นชื่อของล้านนาคือ “เพลงดาบสองมือ” เน้นปัดป้องตีปะทะดาบ พร้อมหลบหลีกหาจังหวะ ฟันแทง เฉือนตัดส่วนอ่อนของคู่ต่อสู้ที่เปิดช่วงว่าง ในส่วนการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เรียก “ตีลูกกุย” หรือ “ตีมวย” มีลักษณะคล้ายคลึงกับการฟันดาบ การตีกลอง หรือการใช้ขวานฝ่า (มุยโบะหลัว) จะตีตัดจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ด้วยสันมือ หรือใช้ท่อนแขนจรดข้อศอก หรือฟาดด้วยปุ่มกระดูกสันหมัดหรือชกด้วยศอก เน้นการปัดป้อง สอดย้อนบวกคืนในจังหวะรับ เตะกวาดข้อเท้าให้เสียสมดุล สอดขัดแข้งให้ล้ม ถีบกระทืบยันจุดอ่อนต่างๆในร่างกาย เตะวาดฟาดส้นสกัดในจังหวะเหลียวหลังกลับ เตะขึ้นตรงๆหงายส้น หรืองอแข้งดีดส่งปลายเท้าส่งเข้าคาง ลิ้นปี่ ท้องน้อย หรือชายโครง โอบมือประสานที่ท้ายทอยคู่ต่อสู้ เหวี่ยงไกวให้มึนงง หนีบคอด้วยท่อนแขนกดด้วยศอกที่ซอกไหล่แล้วแทงเข่าขึ้นตรงๆที่ท้องน้อย ลิ้นปี่ โบราณจารย์ชาวล้านนา เริ่มบันทึกวิทยาการสำคัญๆต่างๆมากมายในยุคพระเจ้าติโลกราชจนถึงรัชสมัยพญาเมืองแก้ว รวบรวมจดจารลงในตำราสืบทอดและสั่งสอนกันมาหลายรุ่น จนภายหลังสมเด็จพระนเรศวร ได้ค้นพบตำราเหล่านี้บ้างว่ามีผู้นำทูลถวายและได้ทรงศึกษาถ่ายทอดให้กับนักรบอยุธยา
ก่อนล้านนาเสียเอกราชตกเป็นประเทศราชให้กับอาณาจักรหงสาวดี คนล้านนาประสบปัญหาภายใน เป็นเหตุให้เกิดการรบราฆ่าฟันกันจนแบ่งแยกเป็นกลุ่มใหญ่สองกลุ่ม คนล้านนาโบราณกลุ่มหนึ่งโยกย้ายเข้าสู่อาณาจักรล้านช้าง อีกกลุ่มได้เชิญเชื้อวงศ์มังรายจากเมืองนาย มาปกครองนครเชียงใหม่และเมื่อนครเชียงใหม่แตก พลเมืองเหล่านี้ถูกกวาดต้อนไปพม่า ที่หลงเหลือก็หลบซ่อนซอกซอนไปอยู่ตามป่าเขาหรือย้ายไปอยู่เมืองอื่นรอบข้าง สมัยต่อมาชาวพม่า ชาวเงี้ยวไทใหญ่ ได้เข้ามามีบทบาทในการปกครองนครเชียงใหม่ เมืองหลวงของล้านนาในอดีต แทนที่ชนชั้นปกครองเดิมที่เป็นคนล้านนาเชื้อสาย “ไทยวน” ยาวนานกว่าสองร้อยปี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2016, 09:57:26 PM โดย นันทปัญญา »