การขยายอำนาจของราชวงศ์มังรายไปสู่เขตด้านตะวันออกของอาณาจักรล้านนาเริ่มในสมัยพระญาคำฟูด้วยการยึดครองเมืองพะเยา แล้วขยายไปสู่เมืองแพร่และเมืองน่าน พระญาคำฟูยกทัพไปแพร่ พ.ศ.1883 ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวว่า ... "เถิงปลีกดสี สกราช 702 ตัว อายุพระญาคำฟูได้ 38 ปลี เอาริพลไฟปล่นเอาเมืองแพล่บ่ได้ หนีคืนมาทางนครเขลางค์ หื้อแสนใหม่ฝืนหลังพลมา ชาวแพล่ออกส่งเสิก็ จักไล่ตัดเอาหางช้างเอาพระญาฅำฟู พระญาฅำฟูหื้อแสนตาช้วย แสนใหม่รบ ชาวแพล่ตามทวยบ่ได้ หนีฅืน เจ้าพระญาฅำฟูเอาพลเสิก็ถอยมาเมืองเชียงแสนวันนั้น" ... สงครามยึดเมืองแพร่ในสมัยพระญาคำฟูประสบความล้มเหลว สะท้อนความเข้มแข็งของรัฐแพร่ และชี้ว่าสมัยพระญาคำฟูซึ่งเพิ่งจะผนวกพะเยาเข้ามาได้นั้น ยังไม่มีกำลังมากพอจะยึดครองแพร่ได้
อย่างไรก็ตาม นโยบายการขยายดินแดนสู่ด้านตะวันออกของล้านนามีอย่างสืบเนื่อง นับจากสมัยพญาคำฟูเป็นต้นมา แต่กว่าจะประสบความสำเร็จต้องใช้เวลาร่วมร้อยปีซึ่งมาสำเร็จ เมื่ออาณาจักรล้านนาเข้มแข็งที่สุดในสมัยพระเจ้าติโลกราชพระองค์ให้มหาเทวีซึ่งเป็นพระมารดายกทัพมาล้อมเมืองแพร่ ส่วนพระองค์ยกทัพเลยไปทำสงครามเมืองน่าน กองทัพของพระเจ้าติโลกราชมีกำลังและเทคโนโลยีสูงกว่าทำให้ท้าวแม่นคุณกษัตริย์รัฐแพร่ ยอมสวามิภักดิ์ใน พ.ศ. 1987 ยุคนครรัฐของเมืองแพร่จึงสิ้นสุดลง ได้ถูกยุบรวมเข้ากับอาณาจักรล้านนา ส่วนเมืองน่านพระเจ้าติโลกราชต้องต่อเวลาไปอีก 6 ปีจึงจะประสบความสำเร็จราว พ.ศ 1992
ที่มา : หนังสือประวัติศาสตร์ล้านนา,ศาสตรจารย์สรัสวดี อ๋องสกุล
เรื่องจากเพจ ราชอาณาจักรล้านนา
ภาพ คุ้มหลวงเมืองแพร่